เส้นทางดนตรี..ของฟ้า
นิรัชพร เทียนทอง
รางวัลเหรียญทอง การขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ม. ต้น
งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 61 ปีการศึกษา 2554
สวัสดีค่ะหนูชื่อ นางสาวนิรัชพร เทียนทอง (ฟ้า) อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 เส้นทางการแข่งขันประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ของหนูเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2554 หนูเรียนวิชาเลือกเพิ่มเติมขับร้อง ตอนแรกหนูเลือกสมัครแข่งขันเพลงไทย – สากล แต่คุณครูณัฐณิชาช์ วรรณนภาลัย (ครูโด้) เห็นว่าเสียงของหนูน่าจะเหมาะกับแนวเพลงพระราชนิพนธ์มากกว่า คุณครูจึงลองให้หนูร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และเลือกเพลง ยามเย็น หนูก็มาฝึกกับครูทุกวัน แล้วเส้นทางการแข่งขันร้องเพลงของหนูก็เริ่มต้นขึ้น การแข่งขันร้องเพลงต้องฝ่าด่านไปที่ละด่าน ด่านแรกคือต้องไปแข่งที่กลุ่มวิชาการของเขตพื้นที่การศึกษาก่อน หนูคว้าลำดับที่ 1 กลับมาได้ จากนั้นก็เริ่มฝึกซ้อมอย่างเข้มงวดเพื่อไปแข่งขันระดับเขตการศึกษา โดยจัดการแข่งขันที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ มีคนเก่งมากมายหนูตื่นเต้นมาก จากนั้นไปแข่งขันระดับภาคต่อ ที่จังหวัดอยุธยา ตอนนั้นโรงเรียนดัดดรุณีของเรา ในส่วนที่ครูโด้รับผิดชอบ เข้าแข่งขันต่อในระดับจังหวัดหลายรายการ ได้แก่ การแข่งขันร้องเพลงไทย-สากล (ญ) ม.ต้น-ม.ปลาย,การแข่งขันร้องเพลงพระราชนิพนธ์ (ญ) ม.ต้น-ม.ปลาย และการแข่งขันร้องเพลงประสานเสียงม.ต้น-ม.ปลาย ผลการแข่งขันระดับเขตทั้ง 6 รายการ เราผ่านได้เข้ารอบระดับภาคต่อ 4 รายการ คือ พระราชนิพนธ์ (ญ) ม.ต้น-ม.ปลาย และวงคอรัส ม.ต้น-ม.ปลาย พวกหนูฝึกซ้อมกันอย่างหนักเพื่อที่จะไปแข่งระดับชาติกันต่อ ไปแข่งที่อยุธยา พ่อและแม่ของหนูก็มาตามไปเชียร์ที่นั้นด้วยหนูดีใจมากมีกำลังใจเต็มที่ หนูก็ขึ้นไปแข่งพอลงมาหนูก็รู้สึกโล่งมาก ผลออกมาคือหนูไม่ติดระดับชาติ แต่พระราชนิพนธ์ม.ปลายกับคอรัสม.ปลายไปแข่งต่อระดับชาติ หนูเสียใจ แต่หนูทำดีที่สุดแล้ว คิดว่าปีหน้าเดี๋ยวมาลองกันใหม่ ในปีนี้ 2555 หนูได้ลงแข่งเพลงพระราชนิพนธ์อีก คุณครูเปลี่ยนเป็นเพลง แสงเดือน ครูบอกว่าให้ฝึกการร้องหลายๆ ทำนอง ถ้าเข้ารอบลึกๆ จะเปลี่ยนเพลงอีกตามศักยภาพของหนู และนำเพลงนี้ไปแข่งขันใน 2 รายการก่อนที่จะมีการแข่งขันระดับจังหวัดคือไปแข่งขันที่งานวิชาการโรงเรียนพนมสารคาม “พนมอดุลยวิทยา” ผลได้ที่ 2 แข่งขันที่งานวิชาการโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการผลได้ที่ 1 และนำเพลง แสงเดือน มาแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัดจังหวัดที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ 2 ตอนนั้นสภาพร่างกายหนูแย่มาก แต่โชคดีที่เสียงยังมีอยู่ หนูก็พยายามทำให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ พอร้องเสร็จหนูไม่พอใจในผลงานของตัวเอง แต่ก็ถือว่าโชคช่วยหนู หนูได้ที่1 ระดับจังหวัดและพวกพี่ ๆ ก็ผ่านเข้ารอบมาได้หลายรายการที่จะไปแข่งขันระดับภาคก็มี พระราชนิพนธ์ ต้น/ปลาย ,ไทย – สากล ต้น/ปลาย รวมแล้วเป็น 4 คน และคอรัส ม.ต้น/ปลาย ซึ่งก็ผ่านเข้ารอบไปแข่งระดับภาคด้วยเช่นกัน
งานศิลปหัตถกรรมระดับภาคกลางและภาคตะวันออกครั้งนี้จัดงานที่จังหวัดกาญจนบุรี พวกหนูก็ต้องเก็บตัวซ้อมทั้งเดี่ยวและประสานเสียง เราต้องนอนโรงเรียนกัน 2 อาทิตย์ได้ ทุกคนตั้งใจฝึกฝนในการซ้อมเป็นอย่างมากเพราะถือว่าเราได้โอกาสมาแล้ว เราต้องใช้โอกาสที่เราได้มาให้คุ้มค่าและดีที่สุด ตอนที่นอนเก็บตัวที่โรงเรียนที่ห้องคอรัส อยู่ ๆ สภาพร่างกายหนูก็แย่ลง จนครูโด้อยากส่งกลับบ้านเพื่อให้พักผ่อนเต็มที่แต่ว่าหนูก็ขอร้องไว้เพราะหนูอยากจะนอนโรงเรียนกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ ทุกคนขยันและตั้งใจกันอย่างมากเหมือนทุกปี เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายในห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้ เมื่อหนูเห็นทุกคนพยายามตั้งใจซ้อม มันเหมือนมีแรงผลักดันจากข้างในตัวขึ้นมาว่าต้องสู้นะ หนูจึงกลับมาซ้อมได้อีกครั้ง การไปแข่งขันระดับภาคครั้งนี้ ครูได้นำเพลง อาทิตย์อับแสง กับ แผ่นดินของเรา มาให้หนูลองร้องดู ปรากฏว่าเพลง แผ่นดินของเรา หนูร้องไม่ได้ ส่วนเพลงอาทิตย์อับแสงนั้น มีท่อนกลางของเพลงที่ต้องโชว์พลังเสียงของตัวเองออกมาให้ได้ และหนูรู้สึกอยากร้องเพลงนี้ ซึ่งครูก็ตามใจหนู (รักครูโด้มากค่ะ) ครูโด้ บอกอีกว่า “ถ้าจะร้องเพลงนี้ต้องทำหลายอย่าง ตั้งแต่เปลี่ยนคีย์ให้ต่ำลง เก็บลมให้พอ เปิดคอให้กว้างในช่วงโน้ตต่ำและต้องใช้เทคนิค Head tone ในหลายประโยคเพลง ร้องต้องเศร้า (ตัวจริงหนูเป็นคนร่างเริงมาก) ที่สำคัญช่วงนี้ครูสุขภาพไม่ดี ต้องขยันและทุ่มเทอย่างมากนะ” พอเราตกลงเพลงกันได้แล้วหนูก็เริ่มซ้อม ในการร้องเพลงเดี่ยว 4 คนนั้นจะมีรุ่นเดียวกับหนูอยู่ 1 คน ชื่อ ด.ญ.สาธินี อู๋อ่อน หรือส้ม ซึ่งเป็นคนที่ถือว่า มีความพยายามมาก เนื่องจากมีอยู่ประโยคหนึ่งของเพลง “จงรัก” ที่ส้มร้องเท่าไหร่ก็เพี้ยนประโยคที่ว่า “ ฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด ” แม้เธอจะร้องโน้ตกับเปียโนเป็นสิบเที่ยวได้อย่างถูกต้อง แต่พอร้องกับดนตรีก็เพี้ยนทุกครั้ง จนไม่มีใครในคอรัสที่ร้องท่อนนี้ไม่ได้ สุดท้ายครูโด้ให้ส้ม ร้องประโยคเพลงนี้ 50 รอบ ผลก็คือเธอทำได้ และทำได้ดีกว่าตอนซ้อม และส้มเรียนเก่งมากด้วย คนที่ 2 ชื่อพี่มิ้น Listen เธอมาเปลี่ยนตัวกับพี่นุ่นร้องเพลงไทยสากลแทน พี่มิ้นอยู่ ม. 4 ห้อง IEP เธอร้องเพลงเพราะมาก ๆ เธอมีบุคลิกที่มั่นใจในตัวเองมาก พี่มิ้นร้องเพลง เสน่หา กับ Listen ยิ่งเรื่องการลีลาท่าทางแล้วไม่ต้องพูดถึงราวกับมืออาชีพ ซึ่งหนูจะติดเรื่องการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง ครูโด้ก็บอกว่าให้หนูดูพี่มิ้นไว้เป็นตัวอย่าง เวลาพี่มิ้นร้องเพลง เหมือนกับกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เหมือนเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง มาถึงคนสุดท้ายพี่แพร ซึ่งเป็นคนที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ ปีที่แล้วพี่แพรได้ที่ 6 ระดับประเทศเหรียญทอง พี่แพรแสดงออกท่าทางได้ดี ครูโด้จึงให้พี่แพรมาช่วยสอนหนูอีกแรง แต่หนูก็ยังทำไม่ได้ ตอนนั้นอารมณ์หนูรู้สึกท้อมากไม่อยากจะไปแข่งเลย แต่พอหนูมามองส้มก็ทำให้หนูลุกขึ้นสู้มาอีกครั้งหนูต้องขอบคุณ พี่แพร พี่มิ้น และส้ม อย่างมากมายจากใจ
ถึงวันที่เราต้องแข่งขันระดับภาคที่จังหวัดกาญจนบุรี พวกเราทุกคนตื่นเต้นมาก แต่ถึงตรงนี้หนูก็ยังร้องไม่ได้อย่างที่ครูโด้ต้องการ แต่ครูบอกว่าไม่เป็นไรทำได้แค่ไหน แค่นั้น พวกเรานอนที่วัดเทวสังฆารามกัน หนูแข่งวันที่ 11 ธันวาคม 2554 ส่วนวงคอรัสแข่งวันที่ 12 ธ.ค. 2554 วันแรกที่ไปถึงรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ พวกเราไปถึงที่นั้นก็เย็นมากแล้ว เราจึงรีบช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ พอทำเสร็จ เราก็มาซ้อมกัน หนูก็เริ่มซ้อมเพลง แต่ว่ายังไปไม่ถึงจุดที่ตั้งไว้ หนูก็เริ่มเครียดเพราะพรุ่งนี้ก็จะแข่งแล้ว แต่พี่ๆ ในวงและ ครูโด้ก็ไม่ได้กดดันอะไร ครูให้กำลังใจตลอดเวลา พอตกกลางคืนพวกหนูก็ไปอาบน้ำกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย เราทุกคนมาซ้อมต่อ หนูก็ซ้อมมาถึงช่วงหนึ่งครูก็บอกว่า ใช่เลย!! อันนี้แหละ ต้องร้องแบบนี้ ครูบอกว่า keep - keep เก็บไว้ ๆ หนูรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองทำได้หนูรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมามากเลย ถึงวันแข่งขัน โรงเรียนท่ามะกาเป็นโรงเรียนที่เราไปแข่งนั้นอยู่ไกลจากวัดที่เรานอน ต้องใช้เวลาในการเดินทาง วันนี้พ่อกับแม่ของหนูจะมาดูด้วยหนูดีใจมากเพราะท่านทั้ง 2 เป็นกำลังใจสำคัญของหนูมาก พอลงทะเบียนเสร็จพวกหนูก็ไปหาที่นั่งกัน
ครูโด้บอกว่าต้องดูดีบนเวที พวกเราทุกคนก็เลยทาแป้งและทาปากนิดๆ หน่อยๆ ประมาณ 9 โมง พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามห้องของแต่ละคน พี่แพรกับหนูไปด้วยกันเพราะแข่งขันพระราชนิพนธ์เหมือนกันส่วน พี่มิ้นท์ กับส้ม ไปด้วยกันเพราะร้องเพลงไทย-สากลเหมือนกัน หนู ม.ต้น เริ่มแข่งขันก่อน หนูจับฉลากได้คนที่ 9 เลขสวยมาก ครั้งนี้หนูรู้สึกไม่ตื่นเต้นเลย แต่กลับรู้สึกอยากร้องเพลงเร็ว ๆ เมื่อคนแรกเริ่มร้อง หนูไม่ได้นั่งฟังเพราะหนูออกมาวอร์มเสียง หนูรู้สึกไม่กดดันเลย ก่อนถึงหนู หนูได้ขอกำลังใจจากพ่อและแม่ และพิธีกรก็เรียกให้หนูไปร้อง หนูก็แนะนำตัวเองแบบที่ฝึกมา เมื่อดนตรีดังหนูรู้สึกตื่นเต้น แต่ครั้งนี้หนูไม่สติแตกเหมือนกับการแข่งขันระดับภาคปีที่แล้ว ช่วงเสียงสูงหนูนึกถึงคำที่ครูโด้สอน ปล่อยให้สุด พุ่งพุ่งพุ่ง!!! แล้วหนูก็ทำตามที่ครูโด้สอน พอร้องเสร็จทุกคนก็ปรบมือให้ ช่วงบ่ายเป็นการแข่งขันของ ม.ปลาย พี่แพรจับฉลากได้คนที่ 24 เกือบสุดท้ายเลยพวกเราก็เลยไปหาอะไรทานกันก่อนแล้วก็มาอยู่รอฟังพี่แพรร้องเพลง พอพี่แพรร้องจบ ครูกอดให้กำลังใจกันทุกคน พวกเราทั้งหมด เดินทางกลับมาที่วัดในตัวเมืองกาญจนบุรี พ่อกับแม่ของหนูกลับบ้านไปก่อน พอถึงวัดพวกพี่ๆ วงคอรัสก็เข้ามาถามว่า “เป็นไงบ้าง” “คิดว่าจะติดประเทศไหม” มื้อเย็นวันนี้ของพวกเราเป็นการกินข้าวบนแพ (อาหารจานเดียว) พวกเรารู้สึกดีใจมากเพราะตลอดเวลา เราทานแต่ข้าวกล่อง ไปถึงแพ นั่งทานไปได้สักพักครูโด้บอกว่าเตรียมบูมเร็วพวกเรา แล้วครูก็ให้ทายว่าการแข่งขันประเภทเดี่ยวมีคนได้ไปแข่งระดับประเทศแล้ว ทุกคนต่างตะโกนเรียกชื่อผู้ที่เข้าแข่งขันประเภทเดี่ยวทุกรายการทั้ง 4 ชื่อ แพร มิ้น ส้ม ฟ้า แล้วครูก็เฉลยว่า “ฟ้าได้ไปแข่งประเทศ” หนูดีใจมาก จนน้ำตาไหล แล้วพี่ๆ ทุกคนก็ร่วมแสดงความยินดี หนูก็รีบขอครูโทรหาพ่อกับแม่ สรุปว่า พ่อกับแม่ รู้แล้ว และก็พ่อหนูนี่แหละที่เป็นคนโทรส่งข่าวให้ครูโด้ทราบ วันนี้เป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุดเลย วันต่อมาวันแข่งขันของคอรัส พวกเราเตรียมตัวไปดีมาก แต่ผลการแข่งขันคอรัสวงของเราได้ที่ 4 ทุกคนเศร้ามาก หนูเสียใจมาก หนูรู้สึกวังเวงมากที่ต้องไปแข่งระดับชาติที่เมืองทองธานีคนเดียวเท่านั้นหรือ? แต่ในเมื่อหนูได้โอกาสมาแล้วหนูก็จะทำสิ่งที่หนูรักให้ดีที่สุดแทนพวกพี่ๆทุกคนที่ไม่ได้ไปประเทศในปีนี้
พอกลับมาหนูก็เริ่มซ้อมเสียงหนูปกติดีมาก หนูฝึกหายใจ ฝึกเทคนิคการใช้เสียง หนูร้องเนื้อเพลงไทยและสากล ท่อนภาษาอังกฤษครูโด้ได้ประสานให้ครูเมย์ ครูต่างชาติช่วยสอนให้สำเนียงดูไม่เหมือนพม่า ซ้อมไปได้เรื่อยๆ ก็มีงานวิชาการโรงเรียน มีการเข้าค่ายการแสดงพิธีเปิดงาน โชคดีมากทำให้หนูมีเพื่อนนอนโรงเรียนด้วย และการซ้อมของหนูก็มากขึ้น แต่สภาพร่างกายของหนูอยู่ดีดีก็แย่ลงไปแบบทำอะไรไม่ได้เลย หนูก็เลยต้องพักบ่อยมาก แย่ที่สุดคือเสียงของหนูหายไปเลย หนูต้องไปหาหมอ 2 รอบ ครั้งแรกไปหาหมอ หมอตกใจมากที่เสียงหนูเป็นอย่างนี้ หมอก็บอกว่าใช้เสียงให้น้อยที่สุด และก็ให้ยามาทาน หนูก็กลับมาโรงเรียนแล้วก็พักผ่อนทันที ตกเย็นมาหนูก็ลองมาซ้อมมีเสียงอยู่บ้างพอสมควร แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะออกเสียงร้องเพลง วันต่อมาครูโด้ก็พาหนูไปหาหมออีกท่านหนึ่ง หมอบอกว่าต้องงดใช้เสียงเลย และก็ได้ฉีดยา 1 เข็ม ครูโด้ใช้การซ้อมเพลงแบบลิปซิ้งค์ และพูดแบบปลง ๆ ว่า เป็นลูกศิษย์คนแรกที่ป่วยขนาดนี้ ครูยังมีวิบากกรรมอีกมาก ก่อนวันแข่งประเทศ พี่ๆและเพื่อนในวงคอรัสมานอนที่โรงเรียนเป็นเพื่อนหนูหลายคน ตกตอนเย็นในวันนั้น ผอ.มณฑา สมานบุญโทรมาบอกครูโด้ว่าท่านจะพาไปทานข้าวข้างนอก ที่ร้านน้องปู เราแบ่งการเดินทางไปทานข้าวกับท่านผอ. เป็น 2 กลุ่ม มีไปกับครูโด้และนั่งรถไปเองประมาณ 7 คน อัดกันนั่งรถตุ๊กตุ๊กไป เป็นภาพที่มีความสุขมาก เมื่อท่านผอ.มาถึง ท่านก็บอกหนูว่า “ตัวเล็กกินน้อยๆ นะ เดี๋ยวเสียงหาย” หนูรู้สึกดีมากที่ท่านเป็นห่วงหนู และคิดว่าจะมี ผอ. กี่คนหนอที่มาทานอาหารกับลูกศิษย์ด้วยความเมตตาเช่นนี้ รวมทั้งท่านยังออกค่ายาให้หนู 1,000 บาท ท่านสั่งอาหารมาให้พวกเรามากมายพวกเราทานกันอย่างอร่อย เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะมีความสุขทั้งโต๊ะไม่มีใครกดดันหนูเลย ไม่มีใครบอกว่าต้องชนะที่ 1 พอเรากินเสร็จเราก็กลับมาโรงเรียน พ่อกับแม่และพี่สาวรออยู่ที่ห้องคอรัส เรากอดคอล้อมวงกัน 4 คน หนูรู้สึกว่ามีอะไรในตัวหนูที่หลับอยู่มันตื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พวกเราทุกคนสวดมนต์แล้วก็พากันนอน สำหรับหนู คืนนี้อิ่มและได้กำลังใจมากมายจากคนรอบข้าง มีความสุขมาก
วันแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมระดับชาติครั้งที่ 61 มาถึง ออกเดินทางจากโรงเรียน 05.30 น. หนูมีผู้ไปร่วมสนับสนุนด้วยมากมาย มีครูโด้ ครูประกาศิต พี่นะ(ตากล้องโรงเรียน) พี่มิ้นท์ (หัวหน้าวง) พี่สวย (ประธานนักเรียน) พี่กอล์ฟ (ประธานรุ่นต่อไปของวง) พี่แมม นิ้ว พี่นุ่น แวน นุ่น(เพื่อนซี้หนู) และอีก 1 คณะที่เป็นกำลังใจสำคัญคือพ่อ แม่และพี่สาว ซึ่งเดินทางไปพบกันที่เมืองทองธานี ก่อนออกจากโรงเรียนเราไหว้หลวงพ่อดัดดรุณี และครูโด้ขอให้ลุงคนขับรถพาไปวัดหลวงพ่อโสธร เพื่อไปกราบขขอพรหลวงพ่อและก็ใส่บาตรด้วย พอทำทุกอย่างเสร็จพวกเราก็มุ่งหน้าไปสู่เมืองทองธานี ไปถึงห้องที่แข่งหนูก็ไปลงทะเบียนและก็วอร์มเสียง พวกเราเอาเปียโนไปด้วย แต่หนูก็วอร์มได้ไม่มากเพราะเจ็บคอ พอวอร์มไปได้สักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกหนูไปจับฉลากหนูร้องเป็นคนที่ 3 จากทั้งหมด 12 คน พอจับฉลากเสร็จ หนูก็ออกไปวอร์มอีก แล้วก็เข้ามานั่งรอคิวร้องเพลง ผู้จัดการแข่งขันแนะนำกติกาแนะนำคณะกรรมการตัดสิน หนูรู้สึกตื่นเต้นมาก หนูพยายามรวบรวมสติตัวเองให้ได้ และพอขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีหนูก็มองหาทุกคนที่มาเชียร์หนู และก็ยิ้มสู้เพื่อรับเป็นกำลังใจให้ตัวเอง หนูเริ่มแนะนำตัว และก็ร้องเพลงตอนท่อนภาษาไทย สติหนูเกือบแตก หนูเกือบจะขึ้นจุดที่ยากที่สุดไม่ถึง แต่พอสักพักหนูก็เรียกสติกลับมาได้และร้องท่อนภาษาอังกฤษให้ดีที่สุด หนูรู้สึกผ่อนคลายสบายใจมากที่ได้ร้องสิ่งที่หนูฝึกฝนมาตลอด ออกไปให้ทุกคนฟังพอร้องครบ 12 คน กรรมการก็ประกาศผลการแข่งขันในทราบทันที ที่ 1 จากสงขลา ที่ 2 จากลำปาง ที่ 3 จากนครราชสีมา ระหว่างรอมอบรางวัล คณะกรรมการได้พูดถึงการแข่งขันและให้ความเห็นว่า การร้องเพลงพระราชนิพนธ์นั้นเป็นการใช้ช่วงเสียงที่กว้างมากใน 1 เพลงมีทั้งเสียงต่ำเสียงสูง และมีครึ่งเสียง ถ้าไม่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จะร้องไม่ได้ แต่วันนี้ทุกคนทำได้ดี มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่เสียงใกล้เคียงกันคะแนนชนะกันไม่มากนัก แล้วคณะกรรมการก็พูดชื่อหนูด้วย (นิรัชพร) ว่าคะแนนไม่ห่างกัน พ่อหนูไปสอบถามลำดับว่าหนูได้ที่เท่าไร เจ้าหน้าที่ที่ถือผลคะแนนบอกว่าหนูได้ที่ 5 เหรียญทอง แต่เมื่อมาดูในwebsiteหนูได้ที่ 6 เพราะที่ 4 มี 2 คนเนื่องจากคะแนนเท่ากัน ครูโด้พูดติดตลกบอกว่าไม่คิดว่าหนูจะได้ที่ 6 ด้วยซ้ำ นึกว่าจะได้ที่ 12 เหรียญทองแดง พ่อบอกหนูว่าเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ผิดหวังมากกว่าสมหวัง เช่น เวที The Star จะมีคนสมหวัง 8 คนต่อปี แต่จะมีคนผิดหวังเป็นหมื่นๆคนต่อปี ฟ้ายังจะเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้หรือเปล่า ? หนูตอบว่า “หนูเลือกเดินทางสายนี้จ๊ะพ่อ” ถ้าเช่นนั้นพ่อ-แม่ มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุน สุดกำลังที่มีอยู่ ขอเพียงฟ้าอย่าเดินออกนอกเส้นทางนี้ เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก ถึงแม้นเราจะล้มเราก็ล้มลงในสิ่งที่เรารัก หนูขอขอบคุณโรงเรียนดัดดรุณี คณะผู้บริหารและคุณครูทุกท่าน ที่ทำให้หนูใช้ชื่อนี้ประกาศดังๆ บนเวทีว่าหนูมาจากโรงเรียนแห่งนี้ หนูขอขอบพระคุณ ผอ. มณฑา สนานบุญ ที่ดูแลและห่วงใย เป็นแรงใจให้หนูด้วยความเมตตาอย่างมากค่ะ หนูขอขอบคุณครูณัฐณิชาช์ วรรณนภาลัย ครูที่อดทนและเหนื่อยกับหนูมาก ครูที่มองเห็นความสามารถในตัวหนู หนูขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่วงคอรัสดัดดรุณีและชาวดัดดรุณี ทุกคน มิตรภาพ สายสัมพันธ์ จะยั่งยืนตลอดไปและผู้ที่เป็นแรงใจ พลังใจ ให้หนูตลอดมาและตลอดไป คือพ่อ แม่ และครอบครัวค่ะ
เปิดอ่าน : 8188 ครั้ง
|