กว่าดิฉันจะได้มาเป็นตัวแทนระดับภาคการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ม. ปลายนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดกับตัวดิฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อ หรือสิ่งอื่นๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ดิฉันซ้อมเพื่อไปประกวด ในวันที่ประกวดรอบการคัดเลือกตัวแทนของจังหวัดวันนั้น มีผู้ที่ประกวดถึง 8 คน และดิฉันเป็นคนสุดท้ายพอดี แอบรู้สึกกดดันนิดหน่อยเพราะได้เห็นการร้องของผู้แข่งขันทุกคน แต่วันนั้นดิฉันรู้สึกว่าดิฉันทำได้เต็มที่ และในใจของดิฉันก็แอบลุ้นขอให้ได้ไปเป็นตัวแทนจังหวัด จนผลปรากฏว่าดิฉันชนะเลิศ ได้เป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งระดับภาค ดิฉันรู้สึกดีใจมาก เมื่อจะแยกย้ายกลับได้มีกรรมการท่านหนึ่งได้เรียกดิฉันไปคุย และพูดว่า “ ในบรรดาทุกๆ คนหนูเลือกเพลงดีที่สุด แต่หนูยังขาดอารมณ์เพลง ถ้าหนูมีครบตรงนี้หนูจะได้คะแนนมากกว่านี้ ” สำหรับการเลือกเพลง ครูณัฐณิชาช์ที่สอน “ดัดดรุณี คอรัส” และสอนดิฉันร้องเพลงเลือกเพลงไว้ 2 เพลง คือ “ความฝันอันสูงสุด” และเพลง “ดวงใจกับความรัก” เมื่อได้ซ้อมไประยะหนึ่ง จึงเลือกเพลง
“ดวงใจกับความรัก” แล้วก็ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับคีย์เพลงอีกระหว่าง ซีเมเจอร์กับบีแฟล็ต เมเจอร์
ในที่สุดครูเลือกบีแฟล็ต เมเจอร์ ด้วยเหตุผล คือ เสียงไม่สูงมาก ร้องสบายกว่า สามารถควบคุมเทคนิคการร้องได้ดีกว่าครูบอกว่าเพลงนี้ Range
เสียงไม่กว้างแต่ยากตรงที่เป็นโน้ตครึ่งเสียงมาก ผู้ร้องต้องมีความแม่นยำในการร้องโน้ต เหล่านี้ ครูให้ดิฉันร้องกับเปียโนจากโน้ต 2 ตัว เป็น 3 ตัว และขยายเป็นทีละห้องเพลงจนเป็นประโยคเพลง จำได้ว่าบางคืนได้เพียง 1 ประโยคเพลงเท่านั้น ดิฉันคิดว่าในเมื่อเราได้โอกาสที่ได้ไปต่อแล้วเราต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก่อนแข่งขันระดับภาคเราก็ได้มีการเข้าค่ายกัน ทั้งค่ายประสานเสียงและร้องเดี่ยวอีก 3
คน ครั้งนั้นเราเข้าค่ายกันเป็นอาทิตย์เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด แยกกันซ้อมคือ ประสานเสียงก็ซ้อมห้องใหญ่ ร้องเพลงเดี่ยวก็ซ้อมอยู่อีกห้องหนึ่ง เพลงเดี่ยวเราก็ซ้อมผลัดกันไปผลัดกันมาทุกวัน จนวันที่เราต้องเดินทางไปจังหวัดอยุธยา เราไปค้างที่วัดตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน โดยความดูแลของ ผอ. สุวพงษ์ ศรีสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบางกระสั้น บรรยากาศดีมากติดแม่เจ้าพระยา และการไปในครั้งนี้เราก็ทำวัตรเย็นกันด้วย คือการสวดมนต์นั่งสมาธิ พอทำวัตรเย็นเสร็จ ก็แยกกันซ้อมคือเพลงเดี่ยวจะซ้อมอยู่ที่ที่ทำวัตรเย็น เพราะว่าที่ศาลานั้นมีเครื่องเสียงครบจึงขอหลวงพ่อมาซ้อมที่นั่น เราก็ซ้อมกันอยู่ 4
คน ผลัดกันร้อง เพราะครูโด้ (ณัฐณิชาช์) ต้องซ้อมให้น้องประสานเสียง ม. ต้น ซึ่งแข่งเป็นวันแรก ช่วงที่เราซ้อมกันก็มีท่าน ผอ.ธัญพร คุณวิชชา ผอ. โรงเรียนอนุบาลบางปะอิน ซึ่งท่านได้จัดการเรื่องที่พักให้ ตอนที่เราซ้อมกัน ท่านก็ช่วยฟังและคอมเม้นท์ให้ จนถึงคิวดิฉันพอฉันร้องจบ ผอ.ท่านพูดว่า “เปิดเทปหรือเปล่า เสียงเหมือนเปิดเทปเลย” ดิฉันรู้สึกดีใจที่ท่าน ผอ. พูดแบบนั้นมันเป็นเหมือนแรงใจที่ช่วยให้เรามีกำลังใจในการจะซ้อมต่อและไม่นานหลวงพ่อก็ได้เดินเข้ามาแล้วบอกว่า “เสียงเพราะมากๆ เลย ติด 1 ใน 3 แน่ๆ” ก็ยิ่งทำให้ฉันมีกำลังใจมากขึ้นไปอีก พออีกวันหนึ่งตอนเย็นๆ ครูอุ๋มก็ช่วยมาติวท่าทางอารมณ์ให้ พอตอนกลางคืนดิฉันก็ลงไปซ้อมกับหลวงพ่ออีกครั้ง หลวงพ่อก็พูดอีกว่า ได้แน่ๆ ดิฉันรู้สึกมีกำลังใจมากและรู้สึกว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ครูโด้ บอกว่าพระที่สอนปฏิบัติธรรมนั้นคำพูดของท่านศักดิ์สิทธิ์ เพราะจิตมีสมาธิ ดิฉันก็หวังในใจว่าขอให้เป็นอย่างที่หลวงพ่อบอก (ยังบอกกับครูโด้ว่าหนูชนะแน่เพราะหนูมีผอ. และหลวงพ่อคอนเฟิร์ม) พอถึงวันแข่ง ตอนอยู่บนรถ ครูโด้ย้ำว่าก่อนใช้เสียง ต้องงดพูด 1 - 2 ชั่วโมง และก่อนร้องเพลงให้นั่งสมาธิเพื่อทบทวนการร้องเพลงดิฉันก็เชื่อฟังคำที่ครูบอกทุกอย่าง ดิฉันแข่งขันที่โรงเรียนอาชีวะ ครูสถิต เป็นคนคุมดิฉัน เพราะครูโด้ไปคุมประสานเสียง และน้องนุ่น (สุดารัตน์ ม.3/4) เป็นน้องในวงก็มาเป็นกำลังใจด้วย เรามาถึงกันก่อนเปิดการลงทะเบียน เราก็นั่งรอกัน จนเขาเรียกลงทะเบียน ดิฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะจัดลำดับการร้องอย่างไร แต่คุณครูสถิตบอกว่าให้ไปลงทะเบียนเลย ดิฉันลงทะเบียนเป็นคนที่ 2
และเขาบอกว่า จัดลำดับการร้องตามการลงทะเบียน หมายความว่าดิฉันได้ลำดับที่ 2 ในการขึ้นร้อง ครูสถิตบอกว่าร้องเร็วๆ ดีแล้วจะได้กลับไปดูประกวดประสานเสียงทัน แต่ก่อนดิฉันจะร้อง จะมีแข่งขันของประเภทผู้ชายก่อน และก่อนที่จะถึงผู้หญิง ดิฉันก็ออกมาหาที่อบอุ่นร่างกาย วอร์มเสียงและซ้อมกับนุ่น พอจะจบของประเภทผู้ชาย ดิฉันก็จะเดินกลับไปที่เวที ดิฉันลืมไปว่าดิฉันยังไม่ได้ไหว้เจ้าที่ของโรงเรียนอาชีวะเลย พอถึงศาลเจ้าที่ดิฉันก็ไหว้แล้วขอพรให้ผลงานออกมาดีขอให้ติด 1ใน 3 พอถึงเวลาเขาก็ประกาศเรียกประเภทผู้หญิงไปนั่งเตรียมความพร้อม ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน ดิฉันก็นั่งเงียบๆ ทำสมาธิ ดิฉันนึกถึงคำพูดของครูโด้ที่ว่า ครูเชื่อในผลของการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง การเก็บรายละเอียดแม้กระทั่งเสียงหายใจในการขับร้อง และครูจะพูดเสมอว่าการพัฒนาการร้องและเรียนรู้วิธีการทำงานที่มีมากขึ้นทุกวัน คือ รางวัลแห่งความสำเร็จแล้ว รวมทั้งครูเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ดิฉันเห็นครูสวดมนต์ไหว้พระ, ไหว้ ร.5 และนั่งสมาธิ ในห้องคอรัสทุกวัน ดิฉันจึงเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มารวมกัน ตั้งแต่ หลวงพ่อโสธร เจ้าที่โรงเรียนดัดดรุณี ศาลเจ้าพ่อแขก เจ้าที่ที่บ้าน ศาลที่บ้าน พระพิฆเนต หิ้งพระที่บ้าน เสด็จพ่อ ร.5 ที่ห้องคอรัสเจ้าที่โรงเรียนอาชีวะรวมทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงพระราชนิพนธ์เพลง “ดวงใจกับความรัก” ดิฉันขอว่า “ ดิฉันชื่อ นางสาว ราชมณ รัตนเวคิน จากโรงเรียนดัดดรุณี จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกไม่กี่นาทีหนูจะต้องทำการแข่งขันร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ของให้ผลงานของหนูออกมาต้องตาต้องใจคณะกรรมการ ขอให้ผลงานออกมาดี ขอให้ติด 1-3 เพื่อจะทำชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล โรงเรียน และจังหวัด ” พออธิฐานเสร็จ ดิฉันก็นั่งสมาธิ ทบทวนท่าทาง ทบทวนว่าท่อนนี้ร้องอย่างไร ใช้เทคนิคแบบไหนไดนามิคอยู่ประโยคเพลงใด ฯลฯ พอคนแรกเริ่มดิฉันเริ่มรู้สึกตื่นเต้น แค่คนแรกร้อง ดิฉันก็รู้สึกว่าคนแรกยังไพเราะขนาดนี้แล้วมีอีกตั้ง 41 คน ต้องมีคนร้องเพราะกว่าเราแน่ๆ ดิฉันก็แอบหวั่นกลัวนิดๆ แต่พอคนแรกร้องจบดิฉันก็นึกอยู่ในใจว่า “ เอาน่า ยังไง เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ” พอขึ้นเวที รู้สึกได้เลยว่า ขาสั่น มือสั่น ปากสั่น พอดนตรีขึ้นเริ่มประโยคแรกปากก็สั่นเลยร้องไป ร้องมาจนปาก จะเป็นปากน้องทราย (คุณแม่ขอร้อง ซึ่งดิฉันสามารถทำเลียนแบบได้เหมือน) พอเรารู้สึกตัวได้เราก็หันไปมองที่คณะกรรมการ มีคณะกรรมการท่านหนึ่งเป็นผู้หญิงมองแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นจึงร้องเพลงด้วยจิตที่มีสมาธิตลอดเพลง วันที่ 31 ธ.ค. 54 เป็นวันที่ประกาศผลการแข่งขัน ตอนนั้นดิฉันก็ไม่รู้ว่าวันนั้นเขาจะประกาศและวันนั้นก็เป็นวันที่โรงเรียนมีงานปีใหม่ด้วย ตอนเช้ามีใส่บาตรกันที่โรงเรียน ดิฉันก็ยืนกับเพื่อน อยู่ดีๆ มินท์ ร้องโซปราโน ก็มาบอกกับดิฉัน ว่าดีใจด้วยแพรได้ที่ 1 ตอนแรกดิฉันไม่เชื่อ เพราะหน้าของเพื่อนไม่แสดงอารมณ์จริงจังเลย ดิฉันเลยไม่แน่ใจ จึงไปดูคะแนนจากอินเทอร์เน็ท คะแนนของดิฉันได้ 95.40 ดิฉันรู้สึกดีใจและไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ว่าจะได้ วันนั้นพี่ๆ น้องๆในวง ดัดดรุณี คอรัสทุกๆ คนก็ดีใจกับดิฉันด้วย แสดงความยินดีบูมให้ดิฉัน ดิฉันรู้สึกประทับใจมาก กว่าดิฉันจะมาถึงวันนี้ดิฉันต้องขอบคุณวง “ดัดดรุณี คอรัส” ที่ทำให้ดิฉันมาถึงทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่อยู่วงนี้ ดิฉันได้เรียนรู้อะไรๆหลายอย่างจากที่นี่ ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีทักษะชีวิตและเรียนรู้นอกห้องเรียนในหลายสถานการณ์
กราบขอบพระคุณผู้อำนวยการสุวพงษ์ ศรีสกุล และผู้อำนวยการธัญพร คุณวิชชา ที่ดูแลและพวกเราชาว
“ดัดดรุณี คอรัส” โดยที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน (ครูโด้บอกว่าตอนหาที่พักจากอินเทอร์เน็ท ครูอธิษฐานว่าขอให้พบผู้ใหญ่ใจดี” รวมทั้งท่านผู้อำนวยการ มณฑา สมานบุญ ที่คอยส่งเสริมสนับสนุน และดูแลเป็นกำลังใจให้กับวงประสานเสียงและดิฉันอย่างดี ขอบคุณครูโด้ที่คอยให้โอกาสดิฉันเสมอ คอยสอนร้องเพลง อบรม ดูแลเอาใจใส่สอนทั้งศาสตร์ดนตรีและความเป็นคนดี รักดิฉันเสมือนเป็นลูกแท้ๆ ขอบคุณคุณครูโรงเรียนดัดดรุณีทุกท่านรวมทั้งเพื่อน พี่น้องทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ และครอบครัว ที่คอยส่งเสริม สนับสนุนดิฉันเสมอ ขอบคุณมากค่ะ